ดูนิสัยคน จากเดือนเกิด
มกราคม
• ทะเยอทะยาน จริงจัง อดทน
• ชอบสั่งสอน รักการเรียนรู้ ขยันทำงานตัวเป็นเกลียว
• มีความคิดสร้างสรรค์ ฉลาด เจ้าระเบียบ ทำอะไรเป็นแบบแผนขั้นตอนไม่มีนอกลู่นอกทางแม้แต่น้อย
• อ่อนไหว ช่างคิดรู้วิธีทำให้คนอื่นมีความสุข
• ปกติจะเงียบขรึมถ้าไม่ได้กำลังตื่นเต้น หรือ เข้าสู่ภาวะคับขัน
• สงบเสงี่ยม กระตือรือร้น โรแมนติกแต่ไม่ค่อยยอมแสดงออกเท่าไร
• ห่วงใยใส่ใจคนอื่น แต่ไว้วางใจใครง่ายไปหน่อย
• ติดบ้าน
• ซื่อสัตย์ ขี้อาย
• ไม่ค่อยชอบเข้าสังคม แถมขี้ หึงอีกต่างหาก
กุมภาพันธ์
• ช่างฝัน รักทั้งโลกแห่งความเป็นจริงและโลกแห่งความฝัน
• ไหวพริบปฏิภาณดี ฉลาด หากแต่บุคลิกภาพแปรปรวนไปนิด
• เจ้าอารมณ์ เงียบ ขี้อาย สุภาพ ไม่ค่อยมีความมั่นใจในตัวเอง
• ซื่อสัตย์
• ชอบตั้งเป้าหมายในชีวิต
• รักอิสระเหนือสิ่งอื่นใด
• ขบถได้ง่ายถ้าถูกบีบคั้น แอบก้าวร้าวบ้างบางครั้ง แต่ที่จริงอ่อนไหวมาก เสียใจง่าย ! โกรธก็ง่าย
• ไม่ชอบเรื่องไร้สาระ ชอบคบเพื่อนฝูงใหม่ๆ น่ารักๆ
• รักกิจการงานบันเทิงทุกชนิดโรแมนติกลึกๆ แต่ไม่แสดงออก
• เชื่อถือโชคลาง
• ใช้จ่ายเงินเก่ง
มีนาคม
• มีเสน่ห์ เป็นที่รักของผู้อื่น
• ขี้อาย สงบเสงี่ยม ลึกลับ
• ซื่อตรง เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เห็นอกเห็นใจ รักสันติและความสงบ
• อ่อนโยน ชอบเอาอกเอาใจคนอื่น
• ใจเย็น ไว้ใจได้
• เห็นค่าคนอื่น ใจดี
• เคร่งศีลธรรม แต่ติดนิสัยชอบประเมินคนอื่น
• เจ้าคิดเจ้าแค้น แถมยังเพ้อฝัน ชอบสร้างจินตนาการ
• รักการเดินทาง
• รักการเป็นจุดสนใจ
• ใจเร็วไปนิดถ้าคิดจะลงหลักปักฐานกับใคร
• ชอบตกแต่งบ้านเอง
• มีพรสวรรค์ เรื่องดนตรี รักข้าวของแปลกๆ
• ข้อควรระวังคืออารมณ์หงุดหงิดง่าย
เมษายน
• กระตือรือร้น ไม่ชอบหยุดนิ่งอยู่กับที่
• เข้มแข็งเด็ดขาด แต่กลับใจอ่อนอย่างไม่น่าเชื่อกับคำขอโทษ
• ดึงดูดใจและเป็นที่รักของผู้คน ใจแข็ง
• รักการเป็นจุดสนใจ
• พูดจาฉลาดถนอมน้ำใจทุกฝ่าย
• ชอบปลอบโยน
• มนุษย์สัมพันธ์ดี ชอบเสนอแนะแก้ปัญหาให้คนอื่น
• กล้าหาญ ชอบผจญภัย
• สุภาพเอื้อเฟื้อ แต่เจ้าอารมณ์ ชอบกระตุ้นทั้งตัวเองและคนรอบข้าง
• และขี้หึงมากเช่นกัน
พฤษภาคม
• ดื้อดึง ใจแข็ง กล้าแกร่ง
• ตั้งใจมั่น แรงจูงใจสูง
• หลักแหลม
• โกรธง่าย อารมณ์แปรปรวน
• ชอบการเป็นจุดสนใจ
• นิ่ง ไม่ค่อยแสดงอารมณ์มากนัก
• มีจุดยืนของตัวเอง แข็งนอก อ่อนใน
• มีอิทธิพล แต่ก็มีเสน่ห์
• ชอบปลอบโยนผู้อื่น
• มีระบบระเบียบ เพ้อฝัน ถือโชคลาง
• มีสัมผัสพิเศษ เข้าอกเข้าใจจินตนาการกว้างไกล
• รักการเดินทาง ไม่ชอบอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน ไม่ชอบหยุดนิ่ง
• ทำงานหนัก ความรับผิดชอบสูง แต่สุรุ่ยสุร่ายไปหน่อย
มิถุนายน
• คิดการณ์ไกล หัวก้าวหน้า
• ใจอ่อนกับคนใจดี
• สุภาพ พูดจาเบามีความคิดสร้างสรรค์มากมาย
• อ่อนไหว ชอบคิดค้น เสียตรงที่ขี้ลังเล
• ไม่รักษาเวลา
• สนุกสนาน มีอารมณ์ขัน ชอบเรื่องตลก
• มีทักษะดีในการโต้แย้ง ช่างพูดช่างคุย ชอบฝันกลางวัน
• เป็นมิตร รู้ว่าจะหาเพื่อนได้อย่างไร
• อดทน
• ชอบแสดงออก เสียใจง่าย ชอบแต่งตัว
• ขี้เบื่อ นานๆ จะแสดงอารมณ์ออกมาซักที ถ้าเสียใจต้องใช้เวลานานในการเยียวยา
• ชอบการบริหาร
• หัวรั้น
• ถือคติแปลกๆ ว่าใครประจบประแจงคือศัตรู ส่วนเพื่อนแท้ต้องไม่กลัวที่จะขัดใจ
กรกฎาคม
• อยู่ด้วยแล้วสนุก มีเสน่ห์
• เก็บความลับได้ แต่ยากที่จะเข้าถึงตัวตนที่แท้จริง
• เงียบถ้าไม่มีอะไรตื่นเต้น
• หยิ่งทะนงในตัวเอง ช่างเลือก
• มีความรับผิดชอบ ชอบปลอบโยนคนอื่น
• ซื่อตรง ซื่อสัตย์
• สนใจความรู้สึกคนรอบข้าง
• มีไหวพริบ
• ใจดี ไม่ผูกใจเจ็บใคร
• ไม่ชอบเรื่องไร้สาระทั้งหลาย
• มีอิทธิพลต่อคนอื่นทั้งในด้านร่างกายและจิตใจ
• อ่อนไหว ไม่ไว้วางใจใครง่ายๆ
• ห่วงใยใส่ใจคนอื่น ปฏิบัติต่อคนอื่นอย่างเท่าเทียม เห็นอกเห็นใจ
• แย่ตรงที่ชอบตัดสินคนอื่นเพียงเพราะสิ่งที่สังเกตเอาเอง
• รักการเดินทาง ศิลปะ ดนตรี และวรรณกรรม
• เรียนดี!
• ชอบอยู่คนเดียวเงียบๆ ไม่ชอบความวุ่นวาย
• เสียใจง่ายแถมต้องใช้เวลานานกว่าจะหาย
• ทุ่มเททุกอย่างให้งาน
สิงหาคม
• ชอบเรื่องตลก
• มีเสน่ห์ สุภาพอ่อนโยน
• ใส่ใจคนอื่น
• กล้าหาญไม่เคยกลัวอะไรทั้งสิ้น
• มั่นคงเด็ดเดี่ยว เป็นผู้นำเต็มตัว
• รู้ว่าต้องดูแลปลอบโยนคนอื่นอย่างไร แต่เสียตรงที่เอื้อเฟื้อเกินไป
• มั่นใจตัวเองเกินไป
• เรียกร้องต้องการการยกย่องนับถือมุ่งมั่นแรงกล้าสุดๆ
• แถม โกรธง่ายเกินเหตุ โดยเฉพาะเมื่อถูกแหย่หรือกระตุ้น
• ขี้หึง
• เคร่งศีลธรรม
• หุนหันพลันแล่น
• ความคิดอิสระไม่ค่อยเหมือนใคร
• รักทั้งการเป็นผู้นำและถูกนำ
• ช่างฝัน มีพรสวรรค์เรื่องศิลปะดนตรี และกลไกการป้องกันตัว
• อ่อนไหวเหมือนกันแต่ไม่ค่อยจะอยากยอมรับ ยุ่งเหยิงวุ่นวาย ตลอดเวลา
• โรแมนติค รักใคร่และห่วงใยคนอื่น
• ชอบคบหาเพื่อนฝูงใหม่ๆ
กันยายน
• สุภาพอ่อนโยน ประนีประนอม
• ระวังตัวแจ
• วางขั้นตอนชีวิตอย่างเป็นแบบแผน
• ชอบตอกย้ำจุดอ่อนคนอื่น
• ชอบการวิพากษ์วิจารณ์
• เยือกเย็นและสงบ
• ใจดี เห็นอกเห็นใจคนอื่น
• รอบรู้เรื่องต่างๆ
• ซื่อตรง
• ทำงานเก่ง
• อ่อนไหว
• ช่างคิด
• ความจำดี สนใจใฝ่รู้
• ชอบการแสวงหาความรู้ใหม่ๆ
• มีแรงจูงใจ เข้าอกเข้าใจ
• เก็บความลับอยู่
• รักกีฬากิจกรรมยามว่าง และ การเดินทาง
• ไม่แสดงอารมณ์เสียจนเกือบจะเป็นคนเก็บกด
• ช่างเลือกโดยเฉพาะเรื่องแฟน
ตุลาคม
• รักการพูดคุยเป็นชีวิตจิตใจ
• รักทุกคนที่รักตัวเอง
• รักการเจาะเข้าสู่จุดศูนย์กลางของเรื่องต่างๆ
• มีเสน่ห์
• สุภาพนุ่มนวล
• จิตใจและรูปร่างสวยงาม
• ไม่โกหกเสแสร้ง
• เห็นอกเห็นใจคนอื่น
• ให้ความสำคัญกับเพื่อน ชอบคบหาเพื่อนใหม่อยู่เรื่อย
• เสียใจง่ายก็จริงแต่ไม่ต้องห่วง แป๊บเดียวก็หายเศร้า
• ชอบช่วยเหลือคนอื่น
• ชอบฝันกลางวัน ความคิดบรรเจิด
• มีสัมผัสพิเศษ
• รักการเดินทาง ศิลปะ และวรรณกรรม
• พูดจานุ่มนวล รักและใส่ใจคนอื่น โรแมนติก ขี้หึง
• เป็นห่วงเป็นใย รักความยุติธรรม
• เชื่อคนง่าย เพราะมองโลกสวยงาม
• สูญเสียความเชื่อมั่นง่ายมาก
พฤศจิกายน
• ความคิดล้านแปดเต็มหัว ยากที่จะเข้าถึง คิดการณ์ล้ำหน้า
• โดดเด่นหัวไว ใส่ใจและชอบให้คำแนะนำ
• อยากรู้อยากเห็น
• รู้จักวิธีตะล่อมคุ้ยความลับ
• ชอบคิดอยู่ตลอดเวลา
• พูดน้อยแต่อัธยาศัยดี
• กล้าหาญและเอื้อเฟื้อ
• อดทน หัวรั้น ใจแข็ง ถือคติ ตราบใดที่ยังมีความหวัง ตราบนั้นก็ยังมีหนทางเสมอ
• มีเป้าหมายในชีวิต ไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ
• โกรธยากมากถ้าไม่ถูกยั่วจนถึงขั้นจริงๆ
• ชอบอยู่คนเดียว
• มีแรงจูงใจในตัวเอง โดยไม่สนใจการยอมรับนับถือจากคนอื่น
• มั่นคง เด็ดเดี่ยว
• รักใครรักจริง
• เจ้าอารมณ์
• โรแมนติก แต่ไม่ค่อยสนใจสัมพันธ์จริงจังนัก
• รักบ้าน
• ทำงานหนัก
• มีความสามารถสูง
• ไว้ใจได้
ธันวาคม
• ซื่อสัตย์และเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่
• กระตือรือร้นในการแข่งขัน และปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น
• แต่ ไม่ค่อยมีความอดทน
• ทะเยอทะยาน มีอิทธิพลในสังคม
• รักการเข้าสังคมมาก
• รักการได้รับการยอมรับ การเป็นจุดสนใจ
• รักการที่มีคนอื่นมารักตัวเอง
• ซื่อตรงและไว้ใจได้ ไม่เสแสร้ง แต่อารมณ์เสียง่าย
• เกลียดการถูกบีบบังคับ
• รักเรื่องตลก มีอารมณ์ขันและมีเหตุผล
........................................................^____________________^............................................................
Mydiary5150110161
วันพุธที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2553
แว่นตาสีเขียว
แว่นตาสีเขียว
ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีเศรษฐีคนหนึ่งเป็นคนเจ้าอารมณ์และมักจะปวดศีรษะอยู่เป็นประจำ
วันหนึ่งเขาได้ประกาศว่าจะให้รางวัลอย่างงามแก่คนที่สามารถรักษาอาการปวดศีรษะของเขาได้มีหลายๆ
คนรวมทั้งหมอที่เชี่ยวชาญต่างก็มาและเสนอแนะวิธีรักษาโรคปวดศีรษะของเศรษฐีผู้นี้
แต่ไม่มีใคร สามารถทำให้เขาดีขึ้นได้
แต่ไม่มีใคร สามารถทำให้เขาดีขึ้นได้
อยู่มาวันหนึ่ง มีฤาษีคนหนึ่งมาเยี่ยมท่านเศรษฐี
เศรษฐีได้บอกเกี่ยวกับโรคประจำตัวของเขาให้ฤาษีทราบ ฤาษีจึงบอกกับท่านเศรษฐีว่า
เศรษฐีได้บอกเกี่ยวกับโรคประจำตัวของเขาให้ฤาษีทราบ ฤาษีจึงบอกกับท่านเศรษฐีว่า
"โธ่เอ๊ย! วิธีรักษาอาการปวดหัวของเจ้ามันง่ายนิดเดียว
นั่นก็คือเจ้าจะต้องมองทุกอย่างให้เป็นสีเขียวตลอดเวลา
แล้วอาการโรคของเจ้าจะหายไป"
เศรษฐีดีใจมากและคิดว่าสิ่งที่ฤาษีแนะนำเขานั้นเป็นสิ่งที่ทำได้ง่ายมาก
นั่นก็คือเจ้าจะต้องมองทุกอย่างให้เป็นสีเขียวตลอดเวลา
แล้วอาการโรคของเจ้าจะหายไป"
เศรษฐีดีใจมากและคิดว่าสิ่งที่ฤาษีแนะนำเขานั้นเป็นสิ่งที่ทำได้ง่ายมาก
วันรุ่งขึ้น ท่านเศรษฐีจึงจ้างช่างทาสี หลายร้อยคนมาช่วยกันทาสีของหมู่บ้านให้เป็นสีเขียวทั้งหมด
นอกจากนี้ด้วยความที่รวยมาก ยังซื้อเสื้อผ้า ให้กับคนในหมู่บ้านทุกคนใส่
ในตอนนี้ไม่ว่าท่านเศรษฐีมองไปทางใด ก็จะเป็นสีเขียวตลอดเวลา ตามคำแนะนำของฤาษี
ในตอนนี้ไม่ว่าท่านเศรษฐีมองไปทางใด ก็จะเป็นสีเขียวตลอดเวลา ตามคำแนะนำของฤาษี
อาการปวดศีรษะของเขา ก็เริ่มดีขึ้นๆ เขาเริ่มเป็นคนยิ้มง่ายและมีความสุขมากขึ้น
สองสามเดือนถัดมา ท่านฤาษีได้กลับมาเยี่ยมเศรษฐีอีกครั้งหนึ่งแต่ก็ต้องเผชิญกับช่างทาสีคนหนึ่งซึ่งร้องตะโกนว่า
"หยุด หยุด ท่านเข้ามาในหมู่บ้านนี้ในชุดนี้ไม่ได้
เดี๋ยวผมจะทาสีท่านให้เป็นสีเขียวก่อน"
ฤาษีก็รีบวิ่งและหนีเข้าไปในบ้านของเศรษฐีได้ในที่สุด
ฤาษีได้พบกับเศรษฐีในบ้านและตำหนิว่า
"ทำไมเจ้าถึงเสียเงินทองและเวลามากมายเพื่อเปลี่ยนสิ่งต่างๆ รอบตัวเจ้าเล่า
เราไม่ได้บอกให้เจ้า ไป ทาสีทุกอย่างให้เป็นสีเขียวเลย
เจ้าเพียงแค่สวมแว่นตาสีเขียวเท่านั้น เจ้าก็จะมองเห็นทุกสิ่ง รอบตัวเป็นสีเขียวแล้ว"
เราไม่ได้บอกให้เจ้า ไป ทาสีทุกอย่างให้เป็นสีเขียวเลย
เจ้าเพียงแค่สวมแว่นตาสีเขียวเท่านั้น เจ้าก็จะมองเห็นทุกสิ่ง รอบตัวเป็นสีเขียวแล้ว"
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า:
"หากเราต้องการเปลี่ยนสิ่งแวดล้อมรอบตัว
เราไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนทุกคนหรือทุกอย่าง
เราเพียงแต่เปลี่ยนตัวของเราเองก่อน
แล้วเราจะพบว่าทุกสิ่งรอบตัวของเราก็จะเปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน"
วันอาทิตย์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2553
เรื่องดี ๆ ..
เรื่องมีอยู่ว่า ... ....
มีชายหญิงคู่หนึ่งรักกันมาก คบกันมา 3 ปี ทั้ง 2 ตกลงที่จะแต่งงานกัน เมื่อกำหนดวันเรียบร้อย ฝ่ายชายเองก็รอคอยวันที่จะแต่งงานกัน
ต่อมาไม่นาน ฝ่ายชายรู้ข่าวว่า คู่รักของตนแต่งงานกับคนอื่นอย่างกะทันหัน โดยฝ่ายหญิงเองก็เต็มใจ ไม่ได้ถูกบังคับแต่อย่างใด เมื่อได้ทราบข่าว เขาทั้ง งง และ เสียใจมาก ร้องไห้ไม่กินไม่นอน ไม่นานก็ป่วยหนักเพราะตรอมใจ
เวลาผ่านไป ........
ฝ่ายชายป่วยหนักขึ้นเรื่อยๆไปหาหมอเท่าไหร่ก็ไม่ีดีขึ้น ขณะที่นอนซมอยู่ที่บ้านนั้น มีหลวงตาแก่ๆผ่านมา เมื่อมาถึงหลวงตาก็หยุดอยู่ที่หน้าบ้าน แล้วมองเข้าไปในบ้านจึงเคาะประตู
เด็กรับใช้ออกมาเปิดประตูพบว่า เป็นพระจึงบอกว่า ไม่ทำบุญนิมนต์ข้างหน้า หลวงตายิ้มอย่างมีเมตตาแล้วพูดว่า อาตมาไม่ได้มาบิณฑบาต ในบ้านมีคนป่วยใช่มั้ย
อาตมาพอมีความรู้ทางด้านการแพทย์นิดหน่อย ไม่รู้พอจะช่วยได้รึเปล่า เด็กรับใช้ได้ฟังก้อึ้งแต่ก็บอกว่าตัดสินใจเองไม่ได้
ต้องขอไปถามเจ้านายก่อน เด็กรับใช้เดินเข้าไปในบ้านถามเจ้านาย เจ้านายตอบอย่างตัดรำคาญว่าอยากเข้ามา ก็เข้ามา !!
เมื่อหลวงตาเข้าไปพบที่ห้องนอน พบว่า ชายคนดังกล่าวนอนอย่างหมดอาลัยตายอยากอยู่บนเตียง
สีหน้าซีดเซียว ร่างกายซูบผอมประหนึ่งครึ่งคนครึ่งศพ เด็กรับใช้นำน้ำมนต์มาถวายหลวงตา พร้อมจัดเก้าอี้ถวายข้างๆเตียงของชายคนนั้น
หลวงตายิ้มแล้วพูดว่าอาการหนักเลยน่ะ ชายคนนั้นนิ่งเงียบไม่สนใจในสิ่งที่หลวงตาพูด หลวงตาตรวจอาการพอเป็นพิธี จึงกล่าวว่า โทรมมากเลยนะ ชายคนนั้นไม่สนใจ หลวงตาบอกว่าไม่เชื่อ ลองมองที่กระจกสิ ชายคนนั้นไมสนใจ แต่ขณะที่หางตาชายไปที่กระจกแต่งตัวในห้องนอน
เขามองเห็นภาพของคนที่รักอยู่ในนั้น ไม่นานภาพของคนรักก็ค่อยๆจางหายไป
กลายเป็นภาพทิวทัศน์ชายทะเล ที่ชายทะเลแห่งนั้นเงียบสงบ ไม่มีคนผ่านไปมา ขณะที่ชายคนที่ป่วยนั้น
เขามองเห็นภาพของคนที่รักอยู่ในนั้น ไม่นานภาพของคนรักก็ค่อยๆจางหายไป
กลายเป็นภาพทิวทัศน์ชายทะเล ที่ชายทะเลแห่งนั้นเงียบสงบ ไม่มีคนผ่านไปมา ขณะที่ชายคนที่ป่วยนั้น
มองภาพในกระจกด้วยความสนใจนั้น เขาพบว่า มีศพหญิงสาวนอนเปลือยกายอยู่ที่ชายหาด !!
พักใหญ่ๆอีกเช่นกัน มีชายอีกคนเดินผ่านมา เขาพบคนนอนมีผ้าคลุมอยู่ จึงเปิดออกดู เมื่อพบว่าเป็นศพ
ด้วยใจสงสาร จึงฝังให้เรียบร้อย แต่ก็ไม่มีเครื่องมือที่จะขุด เขาจึงตัดสินใจใช้มือทั้งสองข้าง ค่อยๆกบทรายขึ้นมา เขาทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนเย็น พอได้หลุมใหญ่พอสมควร จึงได้ฝังศพผู้หญิงคนนั้นเรียบร้อยแล้วจากไป
จากนั้นภาพในกระจกก็เปลี่ยนเป็นภาพของศพหญิงคนนั้น และก็ค่อยๆเปลี่ยนเป็นภาพของหญิงคนรัก เขาได้เห็นก็ตกใจ พอสักพัก ก็ปรากฎเป็นภาพชายคนที่2 แล้วก้ค่อยๆจางหายไป เหลือแต่เงาของตัวเองในกระจก
ทันใดนั้นหลวงตาพูดว่า ทีนี้เข้าใจรึยัง ศพนั้นคือคู่รักของโยม ชายคนที่ช่วยฝังศพเธอ ผูกวาสนากับเธอหนึ่งชาติ
จากนั้นภาพในกระจกก็เปลี่ยนเป็นภาพของศพหญิงคนนั้น และก็ค่อยๆเปลี่ยนเป็นภาพของหญิงคนรัก เขาได้เห็นก็ตกใจ พอสักพัก ก็ปรากฎเป็นภาพชายคนที่2 แล้วก้ค่อยๆจางหายไป เหลือแต่เงาของตัวเองในกระจก
ทันใดนั้นหลวงตาพูดว่า ทีนี้เข้าใจรึยัง ศพนั้นคือคู่รักของโยม ชายคนที่ช่วยฝังศพเธอ ผูกวาสนากับเธอหนึ่งชาติ
ชาตินี้เธอเลยแต่งงานกับเขา ส่วนโยมช่วยคลุมศพเธอจึงผูกวาสนา 3ปี ตอนนี้ครบ 3ปี วาสนาสิ้นแล้วก็ต้องจากกัน เมื่อชายคนนั้นฟังจบก็กระอักเลือดออกมา เด็กรับใช้ตกใจมาก
หลวงตายิ้ม แล้วบอกว่า โยมรอดแล้ว เมื่อกี้โยมกระอักเลือด เอาเลือดเสียออกมาแล้ว ต่อมาไม่นานชายคนนั้นก็ได้ออกบวชในที่สุด
คนเราเจอกันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ความสัมพันธ์ พ่อ แม่ พี่ น้อง ญาติ เพื่อน ศัตรู คนรัก 9ล9
เมื่อสิ้นวาสนา ก็ต้องจากกัน รั้งยังไงก็ไม่อยู่
ในตอนที่ยังไม่จากกันนี้ คุณได้ทำดีต่อคนที่คุณรักหรือยัง
เพราะถึงเวลาที่ต้องจากกัน ไม่ว่าคุณจะมีเงินหรืออำนาจล้นฟ้า
เมื่อมีวาสนา ไม่ต้องเรียกร้อง ถึงเวลาก็มาเจอกัน เวลาผ่านไปสักครู่ มีชายคนหนึ่งเดินผ่านมา เขามองเห็นศพหญิงคนนั้นด้วยความรังเกียจ แล้วเดินผ่านไปอย่างรวดเร็ว ต่อมาพักใหญ่มีชายอีกคนหนึ่งเดินผ่านมา เขามองเห็นศพนั้น เขาสงสารจึงถอดเสื้อนอกออกมาคลุมร่างของหญิงคนนั้น แล้วเดินจากไป
ก็เรียกมันกลับคืนมาไม่ได้ ทำดีต่อกันไว้ดีกว่า เพราะไม่มีใครรู้ว่า
เราจะต้องจากกันเมื่อไหร่ ^_^
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)